วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

"บุญ...ทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นอย่างไร 2"

   สำหรับเรา อย่างนึงที่เราเห็นได้ชัดเจนหลังจากทำบุญไม่ว่าจะเป็นบุญจากการทำทาน เช่น การใส่บาตร บุญจากการรักษาศีล เช่น รักษาศีล 8 และบุญจากการเจริญภาวนา นั่นก็คือ การนั่งสมาธินั่นเองค่ะ  เราจะรู้สึกมีความสุขค่ะ และการดำเนินชีวิตช่วงนั้นๆ ก็จะราบรื่น ไม่มีอุปสรรคปัญหาใดเข้ามาให้รำคาญใจ ทำให้ชีวิตดำเนินไปแบบเรียบง่าย ถ้าคุณคิดว่า การที่จะทำบุญให้ครบ 3 อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา นั้นทำครบได้ยาก เราอยากจะอธิบายให้เข้าใจแบบนี้นะคะ
   1. การทำทานนั้นถ้าไม่มีเวลาไปวัดทุกวัน คุณก็แค่นำปัจจัยมาอธิษฐานแล้วก็หยอดกระปุกเก็บไว้ เมื่อคุณมีโอกาสไปวัดคุณก็จะได้นำปัจจัยที่คุณสะสมนี้ไปทำบุญด้วยตัวเอง
   2. การรักษาศีลอย่างน้อยขอให้ศีล 5 ครบก็โอเคแล้วค่ะสำหรับฆารวาสอย่างเรา ศีล 5 มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
       ข้อ 1 ไม่ฆ่าสัตว์
       ข้อ 2 ไม่ลักทรัพย์
       ข้อ 3 ไม่ผิดประเวณี
       ข้อ 4 ไม่พูดเท็จ เพ้อเจ้อ ส่อเสียด
       ข้อ 5 ไม่ดื่มของมึนเมา
   3. การเจริญภาวนา
       เราคิดว่า การนั่งสมาธินี้เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนนะคะ ขอแค่ใจจรดนิ่ง ณ ศูนย์กลางกาย พร้อมภาวนา สัมมา อะระหัง
        ลองทำทั้ง 3 อย่างนี้สม่ำเสมอดูนะคะ แล้วคุณรู้สึกว่าชีวิตคุณดีขึ้นในหลายๆ ด้านค่ะ ไม่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรมก็ตาม ลองสังเกตดูนะคะ

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

"บุญ...ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร 3"

     วันนี้จะขอเขียนเกี่ยวกับ "การอุทิศบุญ ให้กับผู้ล่วงลับ" ค่ะ ไม่ใช่ว่าบุญเป็นที่ต้องการเฉพาะตอนที่เป็นมนุษย์เท่านั้นนะคะ แม้แต่คนที่ตายไปแล้วก็ยังต้องการบุญเลยค่ะ เคยสังเกตมั้ยคะว่า ทำไมหลังจากเราทำบุญแล้วจะต้องมีการแผ่ส่วนบุญนั้นอุทิศให้กับหมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงเทวดาและสรรพสัตว์ทั่วทั้งภพสามนี้ ก็เพราะบุญเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกชีวิตค่ะ ทั้งตอนมีชีวิตอยู่และตอนตายแล้วค่ะ เพราะบางคนตอนมีชีวิตอยู่ไม่ค่อยได้ทำบุญ ตอนตายไปแล้วจึงมีชีวิตที่ลำบาก ฉะนั้นคนกลุ่มนี้ต้องการให้อุทิศบุญให้เพื่อเค้าจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในภพภูมิที่เค้าอยู่ค่ะ


   เราอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองเรื่องนึงนะคะ เราเป็นคนที่เคยสัมผัสกับสัมภเวสีมาบ้างค่ะ ปลายปี 2556 หลังจากเราได้ไปร่วมงานบุญทอดกฐินที่วัดพระธรรมกาย ในวันรุ่งขึ้น ณ ที่ทำงาน ปกติเราจะไปถึงออฟฟิสก่อนแปดโมงเช้าค่ะ วันนั้นเราเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำของชั้นที่ออฟฟิสเราตั้งอยู่ พอเราก้าวขาออกจากประตูห้องน้ำ เราได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเล่นเราทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ จากประสบการณ์ที่เราเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เราขนลุกวาบเพราะรู้ว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงคน เราเลยรีบเดินกลับเข้าไปในออฟฟิส วิ่งเข้าไปในห้องประชุม และยกมือพนมขึ้นพร้อมกับพูดว่า ขออุทิศบุญทอดกฐินที่ได้ทำมาเมื่อวานนี้ให้กับเจ้าของเสียงเมื่อกี้ด้วย เรารู้ว่าเค้าต้องการบุญค่ะ เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอ เราเจอแบบนี้มาหลายครั้งแล้วทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศ ที่เล่ามานี้ แค่อยากจะย้ำว่า "บุญ" ทำให้ชีวิตทั้งคนและผีมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นค่ะ

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

"บุญ...ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร 2"

 
   ต่อจากบทความเมื่อวานนะคะ วันนี้จะขอนำเรื่อง "บุญ เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จ" โดย พระมหาสมชาย ฐานวุฒิโฑ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมาให้ชมนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

"บุญ...ทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร"

   อยากรู้มั้ยคะว่า บุญทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร
อย่างบทความที่เคยเขียนไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า "บุญเป็นเบื้องหลังแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต"
โดยพื้นฐานแล้วการที่จะได้เกิดมาเป็น "มนุษย์" นั้นเป็นของยากอยู่แล้วนะคะ ฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งแรกที่แสดงให้เห็นว่า การที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น เราต้องมีบุญมากถึงระดับนึง ลองนึกง่ายๆ นะคะว่า ทำไมบนโลกใบนี้มีการเกิดขึ้นของทั้ง คนและสัตว์เดรัจฉาน (อันนี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะ สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตานะคะ) หลายคนที่มีสัตว์เลี้ยง คงเคยสงสัยใช่มั้ยคะว่า "หมาทำไมถึงเกิดเป็นหมา แมวทำไมถึงเกิดเป็นแมว แล้วตัวเราเองทำไมเกิดเป็นคน" เมื่อก่อนตอนยังไม่ได้มาศึกษาธรรมะที่วัดพระธรรมกายเราเองก็เคยสงสัยค่ะ แต่หลังจากที่ได้ฟังคำสอนของหลวงพ่อธัมมชโย เรื่อง กฎแห่งกรรม แล้ว ทำให้เรารู้เหตุและเข้าใจเรื่องพวกนี้มากขึ้น หลวงพ่อท่านพูดเสมอว่า "การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก. เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องสั่งสมบุญบารมี เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง" นี่ล่ะค่ะ เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากว่า บุญทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร คือ เมื่อเรามีบุญมากพอที่เกิดเป็นมนุษย์ เราจึงต้องหมั่น ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา  ให้มากๆ เพราะการมีชีวิตอยู่ได้ต้องอาศัยบุญเป็นหลักค่ะ ถ้าคุณมีบุญซะอย่างก็ไม่ต้องกังวลเลยว่า ชีวิตจะลำบาก หรือถ้าชีวิตของคุณในปัจจุบันนี้ค่อยข้างลำบาก ลองทำอย่างที่เราบอกดูนะคะ ให้หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ต้องทำอย่างสม่ำเสมอนะคะ คุณรู้มั้ยว่า การที่คุณมีชีวิตลำบาก นั่นแสดงว่า บุญในตัวคุณมีน้อย ทำให้วิบากกรรมที่ไม่ดีในภพชาติก่อนๆ มาส่งผล ฉะนั้นคุณต้องหมั่นสั่งสมบุญให้สม่ำเสมอค่ะ ไม่ใช่เพื่อตัดกรรม แต่เพื่อให้วิบากกรรมเหล่านั้นตามส่งผลไม่ทัน เพราะระยะเวลาในการส่งผลของกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องค่ะ และเมื่อคุณรู้สึกว่า คุณไม่เคยทำสิ่งไม่ดี ทำแต่สิ่งดีมีประโยชน์ แต่ทำไมชีวิตยังต้องลำบากอยู่ ไม่เหมือนคนอื่นที่ไม่เคยทำบุญเลยแต่มีชีวิตที่สุขสบาย นั่นเป็นเพราะคุณกำลังได้รับผลของวิบากกรรมที่เคยทำมาในอดีต แต่เค้าเหล่านั้นกำลังใช้บุญเก่าของพวกเค้าอยู่ค่ะ อย่าไปคิดว่าบุญ-บาปไม่มีจริงนะคะ อย่างที่บอกค่ะ ในการส่งผลของกรรมทั่งดีและชั่วมีระยะเวลาของการส่งผลอยู่ค่ะ แต่ถ้าคุณทำอย่างที่เราแนะนำ เราเชื่อว่าชีวิตคุณต้องดีขึ้นแน่ๆค่ะ

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

"นั่งสมาธิแล้ว มีความสุขอย่างไร 3"

   รู้มั้ยค่ะว่าการนั่งสมาธิหลังตื่นนอนเป็นอะไรที่ดีมากๆ ค่ะ จะทำให้อารมณ์ของวันนั้นทั้งวันนิ่งและสงบมาก จะไม่ค่อยสนใจเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง คือ ใจจะไม่เอาเรื่องไม่ดีมาใส่ใจค่ะ ใจนิ่งๆ แบบนี้ดีจริงๆ นะคะ จะไม่รู้สึกยินดียินร้าย จะออกแนวเฉยๆ เหมือนสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่สามารถเข้ามากระทบใจเราได้ค่ะ หรือถึงจะเข้ามากระทบใจเราได้ แต่ก็ไม่มีผลเท่าไหร่ นั่งสมาธิได้ในระดับใจสงบก็มีความสุขแล้วค่ะ

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

"นั่งสมาธิแล้ว มีความสุขอย่างไร 2"

   การนั่งสมาธิ เป็นการพักกายพักใจอย่างนึงค่ะ ถ้าคุณยังไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน ลองฝึกนั่งดูนะคะ อาจจะเริ่มด้วยการ สวดมนตร์บูชาพระรัตนตรัยก่อน เสร็จแล้วนั่งขัดสมาธิเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบายๆ แล้วตรึกนิมิตรเป็นดวงแก้วกลมใสอยู่ที่กลางท้อง ตำแหน่งที่เหนือสะดือสองนิ้วมือ แล้วภาวนาในใจว่า "สัมมา อะระหัง" โดยที่ให้ใจจรดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เหนือสะดือสองนิ้วมือ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณก็จะรู้สึกถึงการได้พักกายพักใจ กายนิ่ง ใจนิ่งอยู่ภายใน ไม่เอาใจออกไปนอกตัว โดยส่วนมากคนเราใช้ชีวิตประจำวันในสังคม ย่อมเจอะเจอเรื่องราวต่างๆ ทั้งดีและไม่ดี สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรามักจะดึงใจของเราให้ออกไปนอกตัว คือ คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ต่างๆ มากมาย จนทำให้ใจรู้สึกเหนื่อยล้า เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะพักทั้งกายและใจ ขอให้ลองนั่งสมาธิดูนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

"นั่งสมาธิแล้ว มีความสุขอย่างไร"

   เมื่อได้นั่งสมาธิ ความรู้สึกแรกคือจะรู้สึกสงบค่ะ เมื่อรู้สึกสงบ ความรู้สึกสบายก็จะตามมาค่ะ แค่สงบกับสบายก็ถือเป็นความสุขขั้นแรกที่ได้จากการนั่งสมาธิแล้วล่ะคะ เราเองเคยนั่งจนเกิดความสว่างภายในค่ะ ความสว่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นแสฃสว่างมากๆ แต่ไม่รู้สึกแสบตาเลยค่ะ เป็นความสว่างแบบเย็นๆ จากประสบการณ์ตรงของเราเองจากการนั่งสมาธิ เราได้ความสงบ สบาย สว่าง แค่นี้ก็รู้สึกสุขแล้วค่ะ เราเองยังคงต้องนั่งสมาธิต่อไปเพื่อให้ได้ไปพบพระในตัวให้ได้ค่ะ

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตดีขึ้น เมื่อได้นั่งสมาธิ2"

   ทุกครั้งที่เราได้นั่งสมาธิทำใจหยุดใจนิ่ง สิ่งแรกที่เราได้รับ คือ ความสงบของใจค่ะ ถึงแม้ขณะนั่งสมาธิจะมีฟุ้งซ่านบ้าง แต่ความรู้สึกสงบก็เกิดขึ้นเหมือนกันนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตดีขึ้น เมื่อได้นั่งสมาธิ"

   การได้นั่งสมาธิ ทำใจหยุด  ทำใจนิ่ง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะ  เพราะว่าตัวเราเองเมื่อได้นั่งสมาธิก็จะทำให้มีความสงบเกิดความสบายของใจค่ะ  เวลาคิด พูด  ทำ ก็จะมีสมาธิในการกระทำสิ่งนั้นๆ ทำให้ชีวิตดีขึ้นในทุกๆ ด้านค่ะ

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง 3"

   ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง ในอีกความหมายนึงสำหรับเรา คือ เมื่อมีบุญก็จะทำให้ทุอย่างในชีวิตราบรื่น ประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ ค่ะ ทำให้เมื่อเรามีชีวิตที่ราบรื่น มีความสุข ความสำเร็จ เป็นพื้นฐานก็จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นในทุกๆ ด้านนะคะ คือ เราได้รับผลแห่งบุญที่เราได้ทำไว้ ยิ่งถ้าหมั่นสั่งสมบุญทุกวัน วิบากกรรมที่ไม่ดีต่างๆ ก็จะตามส่งผลไม่ทัน ทำให้ชีวิตเราปราศจากอุปสรรคในการดำเนินชีวิตค่ะ

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง2"

   หลังจากที่เราได้เข้ามาเป็นศิษย์วัดพระธรรมกายเต็มตัวแล้ว เรารู้สึกว่าชีวิตเราลงตัวมากขึ้น เราเองก็ใช้ชีวิตในทางโลกเหมือนคนทั่วๆ ไปค่ะ ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ แต่ตั้งแต่เราได้ฟังคำสอนของหลวงพ่อธัมมชโย เราก็รู้และเข้าใจมากขึ้นว่า เกิดมาทำไม เมื่อเกิดมาแล้วต้องใช้ชีวิตยังไงถึงจะคุ้มค่ากับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์  เราหมั่นสั่งสมบุญทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา สม่ำเสมอ พยายามที่จะสร้างวิบากกรรมให้น้อยที่สุด ใช้ชีวิตแบบระวังตัวมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการก่อเวร เราว่า สิ่งนี้ล่ะค่ะคือเมื่อบุญมาถึงตัวเรา ทำให้เราคิดสอนตนเองได้ว่าอะไรควรปฏิบัติ อะไรไม่ควรปฏิบัติ ซึ่งทำให้ชีวิตมีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายที่ชัดเจนว่า เกิดมาทำไม สำหรับเราแค่นี้ก็ทำให้ชีวิตดีขึ้นมากมายแล้วล่ะคะ เพราะรู้หนทางในการเริ่มต้น เพื่อที่จะเดินไปให้ถูกทาง จะได้ไปสู่ปลายทางที่สว่างไสว จะทำให้ชีวิตของเราปลอดภัยในสังสารวัฏ เราคิดว่า เราเดินมาถูกทางแล้วค่ะ เมื่อบุญมาถึงทุกอย่างในชีวิตก็จะลงตัวเองค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง"

  "ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง"
สำหรับเรา ชีวิตเราดีขึ้น เพราะบุญของเราที่ได้มาถึงหลวงพ่อธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย
รู้มั้ยค่ะ กว่าเราจะได้มารู้จักหลวงพ่อท่านและมาถึงวัดพระธรรมกายได้ ใช้เวลาถึง 10 ปีทีเดียวค่ะ
ตอนที่เราเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มีคืนนึงเราฝันเห็นแม่ชีคนนึง ท่านมายืนยิ้มเย็นๆให้เราที่หน้าคณะมนุษย์ศาสตร์ ท่านยืนตัวลอยจากพื้นดินประมาณ 1 ฟุต ตอนนั้นเราไม่รู้จักเลยว่าแม่ชีคนนี้ท่านเป็นใคร จนกระทั่งเวลาผ่านไป 10 ปี ตอนนั้นเราอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ครั้งแรกที่เราได้ไปวัดพระธรรมกายที่เป็นศูนย์สาขา วันนั้นทันทีที่เราก้าวเข้าไปในห้องที่ไว้รองรับสาธุชน เราตกใจมากค่ะ เพราะเราเห็นรูปแม่ชีคนที่เราเคยฝันเห็นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ท่านคือ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์         ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกายและเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อธัมมชโย ตอนนั้นเราอุทานในใจว่า "เจอแล้วๆ แม่ชีคนนี้นี่เอง ในที่สุดก็เจอแล้ว" ตอนนั้นเราถามพี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่วัดทันทีเลยค่ะว่า แม่ชีคนนี้คือใคร พี่เค้าก็ตอบว่า คุณยายจันทร์ เราได้คำตอบแล้วเราก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ จนกระทั่งเรากลับมาเมืองไทย และได้ไปวัดพระธรรมกายที่เมืองไทยครั้งแรก เราก็ไปหาซื้อหนังสือประวัติของคุณยายจันทร์ เราได้หนังสือมา 2 เล่มค่ะ ตอนนั้นคิดว่า ขาขึ้นเครื่องกลับญี่ปุ่นมีหนังสืออ่านแล้ว เครื่องบินใช้เวลาบินประมาณ 5 ชม.ครึ่ง เราอ่านหนังสือ 2 เล่มนี้จบภายใน 1 ชม. ตอนนั้นเราอ่านไปด้วยความตั้งใจมากๆ ค่ะ  คือ อยากจะรู้จักคุณยายจันทร์มาก เพราะเรานึกถึงแต่ความฝันเมื่อตอนนั้น เราคิดว่า ต้องมีอะไรเราถึงฝันเห็นท่าน แต่ก็เพิ่งมาเจอท่านเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 10 ปี ซึ่งเราเสียดายมากที่เราไม่มีโอกาสได้เจอคุณยายในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่ทุกวันนี้เราก็รู้สึกซึ้งใจมากๆ ค่ะ ที่คุณยายจันทร์มาตามเรา สุดท้ายเราก็ได้มาเจอกับหลวงพ่อธัมมชโยและหมู่คณะวัดพระธรรมกายสำหรับเราชีวิตดีขึ้นเพราะบุญได้มาถึงวัดพระธรรมกายจริงๆค่ะ ทุกวันนี้เรายังจำภาพในฝันที่คุณยายจันทร์ยืนยิ้มให้เราได้อยู่เลยค่ะ หลายๆ ครั้งเรารู้สึกขอบคุณคุณยายจันทร์ที่ท่านได้มาตามเรา ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งในคำอธิษฐานต่อหน้ารูปของคุณยายจันทร์ เราจะอธิษฐานว่า "ถ้าภพชาติต่อๆ ไป ลูกผลัดหลงกับหมู่คณะ ขอให้คุณยายมาตามลูกด้วยนะเจ้าคะ"


วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

"เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร 2"

     สำหรับเรา "เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร"

    1. ได้รู้เรื่องและเข้าใจ "กฎแห่งกรรม"
    2. ได้รู้วิธีการ "ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส"
    3. ได้เรียนรู้และเข้าใจหลักการ "ทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ"
    4. ได้เรียนรู้เรื่อง "มงคลชีวิต 38 ประการ"
    5. ได้พบและได้รู่จักเพื่อนกัลยาณมิตรหลายท่าน
    6. ได้เรียนรู้วิธีทำความสะอาด และวิธีการดูแลรักษาสิ่งของต่างๆ
    7. ได้ซึมซับความมีระเบียบวินัย
    8. รู้จักที่จะอดทนมากขึ้น
    9. ใจเย็นมากขึ้น
   10. ได้หลักในการดำเนินชีวิตมาปฏิบัติ

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

"เข้าวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร"

   ตั้งแต่เราได้รู้จักวัดพระธรรมกายและหลวงพ่อธัมมชโย ชีวิตเราดีขึ้นมากค่ะ คือ หลวงพ่อท่านสอนให้เราเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ทำให้เราเข้าใจเรื่องวิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องว่าควรจะทำอย่างไร เราสามารถจัดระเบียบชีวิตตัวเองได้ลงตัวมากขึ้น ทำให้เราเดินไปในทางที่ถูกต้อง เราคิดว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะถ้าเข้าใจที่มาที่ไปในเรื่องกฎแห่งกรรม เข้าใจถึงเหตุว่าที่ผลออกมาแบบนี้เพราะประกอบเหตุแบบนี้ ที่ผลออกมาแบบนั้นเพราะประกอบเหตุแบบนั้น ทำให้เรามีความระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น นั่นคือ การมีสติมากขึ้นค่ะ เมื่อมีสติการที่จะทำสิ่งไม่ดีก็จะลดลง ทำให้เราก่อวิบากกรรมที่ไม่ดีน้อยลง ทำให้ชีวิตในสังสารวัฏปลอดภัยมากขึ้น

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ทำบุญแล้ว...ชีวิตดีขึ้นอย่างไร 2"

   วันนี้มาต่อภาค 2 กันค่ะ ทำบุญแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร
สำหรับตัวเราเอง เราคิดว่า เมื่อมีบุญแล้วเวลาอยากจะทำอะไรหรืออยากจะได้อะไรในสิ่งที่เป็นกุศลก็จะได้มาอย่างง่ายๆ ค่ะ หรือเวลามีปัญหาอะไรก็จะจัดการได้เองอย่างง่ายๆ ทำให้ชีวิตดูง่ายขึ้นเยอะค่ะ สำหรับเรา เราเชื่อว่า ทำบุญแล้ว ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นค่ะ พอชีวิตง่ายขึ้น สิ่งต่างๆ ที่ตามมาก็จะง่ายขึ้นเหมือนกันค่ะ ชีวิตก็จะมีความสุขสมหวัง ทำให้มีจิตใจที่สบาย ปราศจากความกังวลค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ทำบุญแล้ว...ชีวิตท่านดีขึ้นอย่างไร"

   สำหรับตัวเราเมื่อได้ทำบุญ สิ่งแรกที่เราได้รับ คือ ความสบายใจค่ะ เมื่อเข้าใจเรื่องการทำบุญ ก็จะรู้สึกว่าอยากทำบุญให้ได้บ่อยๆ เพราะการที่เรามีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จ มีบุญอยู่เบื้องหลังค่ะ เคยได้ยินมั้ยค่ะว่า "บุญ คือ เบื้องหลังของความสุขและความสำเร็จในชีวิต" บางครั้งเคยรู้สึกมั้ยค่ะว่า ทำไมชีวิต ติดๆขัดๆ ไม่ราบรื่นเท่าไหร่ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกแบบนี้ นั่นแสดงว่า คุณต้องสั่งสมบุญเพิ่มแล้วล่ะคะ เปรียบเทียบง่าย ๆ แบบนี้นะคะ เหมือนคุณมีเงินเก็บไว้ในกระปุกออมสิน แล้วเราก็หยิบออกมาใช้ทุกๆ วัน ที่ละนิดๆ เงินที่อยู่ในกระปุกนั้นย่อมพร่องลงๆ ถ้าคุณไม่ทำงานหาเงินมาหยอดกระปุกเพิ่มเติม สักวันนึงเงินในกระปุกนั้นก็จะหมดลง "บุญ" ก็เหมือนกันค่ะ ถ้าคุณไม่สั่งสมเพิ่มบุญภายในตัวย่อมค่อยๆ หมดลง คุณอาจจะเคยสงสัยว่า ทำไมบางคนไม่เคยทำบุญเลย แต่ชีวิตดี๊ดี อยู่สุขสบาย มีกินมีใช้ นั่นเป็นเพราะคน ๆ นั้นกำลังใช้บุญเก่าของตัวเขาเองอยู่ค่ะ เหมือนคำพูดที่ว่า "กินบุญเก่าอยู่" คงเพราะภพชาติก่อนๆ เขาสั่งสมบุญเอาไว้เยอะ แต่กระนั้นก็ตาม ต่อให้เคยสั่งสมบุญไว้เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ทำเพิ่มบุญบุญที่เคยสั่งสมมาย่อมมีวันหมดไปค่ะ เคยเห็นมั้ยค่ะ บางคนตอนเด็กๆ ทำไมชีวิตมีแต่ความสุขสบาย แต่พอโตมากลับมีชีวิตที่ลำบาก นั่นเป็นเพราะ เมื่อภพชาติก่อนๆ เขาสั่งสมบุญมาไม่สม่ำเสมอค่ะ อย่างตัวเราเอง ตั้งแต่เล็กจนโตถือว่ามีชีวิตที่ค่อยข้างสุขสบาย แต่ก็จะมีบางช่วงที่รู้สึกว่าลำบากนิดหน่อย คือ อยากจะเล่าให้ฟังอย่างนี้ค่ะว่า ตอนเราเด็กๆ จะเรียกได้ว่า เราเป็นลูกคุณหนูก็ได้ค่ะ เรามีพี่สาวและน้องชายซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันอายุห่างกันสองสามปี ที่บ้านเรามีพี่เลี้ยงๆ ของแต่ละคนเลยค่ะ ของพี่สาวคนนึง ของเราคนนึง ของน้องชายคนนึง จำได้ว่า ชีวิตไม่เคยต้องทนหิว ทนอด คือ มีความสมบูรณ์พร้อมในปัจจัยสี่ บ้านเรามีพี่เลี้ยงที่เป็นคนช่วยงานบ้านจนกระทั่งเราอยู่ ม.3 คนช่วยงานบ้านคนล่าสุดเขาขโมยของในบ้าน จึงไม่ให้เขาทำงานต่อ ตั้งแต่นั้นมาเรากับพี่น้องก็ช่วยแม่ทำงานบ้านกันเอง ตอนช่วงแรกเป็นอะไรที่รู้สึกว่า โอ้ย ขี้เกียจจัง คงเพราะสบายมาตั้งแต่เด็กค่ะ แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มปรับตัวได้ ที่เล่าเรื่องนี้แค่อยากบอกว่า นี่เป็นตัวอย่างนึงของเราเองที่เราบอกว่า บางช่วงชีวิตลำบากเล็กน้อย เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่หลังจากที่ได้ศึกษาธรรมะจากที่วัดพระธรรมกาย ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ตัวเราเองภพชาติก่อนๆ คงทำบุญมาไม่สม่ำเสมอ ภพชาตินี้จึงมีความลำบากเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น ทำให้เราคิดว่า เราอยากจะสั่งสมบุญให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพราะเรารู้ว่าการที่เรามีความสุขและประสบความสำเร็จนั้นเพราะมีบุญอยู่เบื้องหลังค่ะ 
   เท่าที่เราเจอประสบการณ์ด้วยตัวเองเรื่องการทำบุญ เรามีความรู้สึกว่า ชีวิตเราลงตัวมากขึ้น การทำบุญสามารถช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา และจากเบากลายเป็นหายได้ค่ะ ถ้าเล่าให้ฟังอย่างละเอียดคงเล่าได้ไม่หมด จะขอบกมาสัก 1 ตัวอย่างนะคะ เรื่อง การทำทาน มีหลายๆ ครั้งที่เราตัดใจสละทรัพย์ที่มีอยู่ทำบุญค่ะ เมื่อก่อนเราก็ไม่ค่อยกล้าทำบุญที่ละมากๆ แต่หลังจากที่เข้าใจเรื่องบุญแล้ว เราก็สามารถตัดใจจากทรัพย์ที่มีนำมาทำบุญค่ะ อย่างล่าสุด ปี 2558 เราตัดสินใจปิดบัญชีเงินฝากมาทำบุญกฐิน ช่วงตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เราเจอปัญหาเกี่ยวกับพนักงานในที่ทำงาน จนเรารู้สึกว่า หนักมากเท่าที่เราเคยเจอมา ตอนช่วงนั้นก็ไม่รู้ว่า จะแก้ไขยังไง กลับมาบ้านก็สวดมนตร์นั่งสมาธิทุกวัน ตอนเช้าก็ใส่บาตรทุกวัน ช่วงนั้นปัญหาที่ว่าก็ทรงๆ ตัวค่ะ ไม่ได้แย่ลง แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น จนมาถึงช่วงทำบุญกฐิน ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า "เอาเหอะ เป็นไงเป็นกัน เบื่อจะแย่แล้วกับปัญหาที่ทำงาน อยู่ต่อไม่ไหวก็ลาออก" พอเราคิดแบบนี้ปุ๊ป เราก็คิดไปถึงว่า ถ้าเราลาออก ไม่มีงานทำหรือยังหางานใหม่ไม่ได้ เงินก็จะไม่มีทำบุญ เราเลยปิดบัญชีเงินเก็บทำบุญกฐินหมดเลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสได้ทำบุญแบบนี้มั้ย ก็เลยรีบทำตอนที่มีโอกาสค่ะ ประกอบกับช่วงต้นปีที่แล้ว เราไม่สบาย อยู่ดีๆ น้ำหนักตัวก็ลดไป 5 กิโลภายใน 3 เดือน โดยที่ทานอาหารในปริมาณปกติ ไปหาหมอๆ ก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เรารู้สึกว่า ร่างกายเราไม่ปกติ เพราะเหตุนี้อีก 1 ปัจจัย เราคิดว่า เราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ถ้าตายไปแล้วคงจะทำบุญไม่ได้แล้ว เราเลยตัดสินใจปิดบัญชีทำบุญกฐินไป ก็มี 2 เหตุปัจจัยที่ทำให้เราปิดบัญชีทำบุญกฐินค่ะ ทำไปแล้วก็รู้สึกโล่งและสบายใจ ความรู้สึก "อิ่มบุญ" เป็นแบบนี้นี่เอง
   สรุปว่า ชีวิตจะดีขึ้นในทุกๆด้าน ขอแค่หมั่นสั่งสมบุญสม่ำเสมอ ทั้งการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาค่ะ ชีวิตก็จะมีแต่ความสุขและความสำเร็จค่ะ

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

"นั่งสมาธิแล้ว ชีวิตดีขึ้นอย่างไร"

   วันนี้เราจะมาแชร์เรื่องการนั่งสมาธินะคะ หลายๆคนคงจะได้เคยนั่งสมาธิกันมาไม่มากก็น้อย ตัวเราเองเป็นคนที่นั่งสมาธิเหมือนกันค่ะ แต่อาจจะไม่ได้เข้มข้นอะไรมาก แต่สิ่งที่เราได้จากการนั่งสมาธิ คือ การได้หยุดคิดเรื่องภายนอก ณ ช่วงที่ขณะกำลังนั่งค่ะ โดยปกติแล้ว คนที่นั่งสมาธิไม่สม่ำเสมอ จิตใจจะสงบได้ยากนิดนึง แต่ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหาค่ะ ขอแค่เรามีสติรู้ตัว ณ ขณะที่นั่งสมาธินี้ โดยการภาวนา "สัมมา อะระหัง" พร้อมกับนึกนิมิตรที่เป็นดวงแก้วกลมใสไว้ที่กลางท้องเหนือสะดือ 2 นิ้วมือ แค่ทำตรงนี้ได้ใจก็สงบแล้วค่ะ ซึ่งความสงบแบบนี้เป็นความสงบที่เราต้องปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่สามารถให้ใครมาปฏิบัติแทนเราได้ แค่ได้ความสงบจากการนั่งสมาธิ หลังจากนั่งสมาธิเสร็จก็จะได้อารมณ์สบายตามมาค่ะ วันนั้นทั้งวันก็จะรู้สึกสงบและสบายค่ะ

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ฉันมาวัดพระธรรมกายแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไร"

   ตั้งแต่เราได้รู้จักวัดพระธรรมกายที่ญี่ปุ่น เราก็ได้เข้ามาทำบุญ ปฏิบัติธรรม และเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่วัดยามว่างค่ะ ตอนนั้นเรารับบุญทำอาหารบ้าง ทำความสะอาดบ้าง แต่งานที่เรารับบุญเป็นประจำ คือ งานจัดดอกไม้ การที่ได้เข้ามาช่วยงานที่วัดทำให้เราเป็นคนละเอียดปราณีตขึ้นค่ะ เมื่อก่อนเราเป็นคนค่อนข้างใจร้อนนิดๆ ชอบทำอะไรเร็วๆ แต่พอมารับบุญที่วัดบ่อยๆ ทำให้นิสัยใจร้อนของเราถูกขัดเกลาโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวค่ะ พอมาสังเกตตัวเองอีกทีก็พบว่า เราใจเย็นขึ้น ทำอะไรช้าลง ทำอะไรละเอียดปราณีตขึ้น เรารู้สึกดีนะคะ เพราะนิสัยใจร้อนนิดๆ ชอบทำอะไรเร็วๆ บางทีก็ทำให้เราขาดความรอบคอบ แต่ตอนนี้เราเป็นคนละเอียดรอบคอบมากขึ้น

   พอเรากลับมาอยู่เมืองไทย มาวัดพระธรรมกายที่เมืองไทย ถึงแม้เราจะไม่ได้รับบุญที่วัดเหมือนตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่คำสอนของหลวงพ่อก็ทำให้เราเข้าใจการสั่งสมบุญ ทั้งทาน ศีล ภาวนา ว่ามีความสำคัญอย่างไร ทำให้เราเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม และทำให้เรามีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้นค่ะ

   สรุปว่า ตั้งแต่ได้รู้จักวัดพระธรรมกายและหลวงพ่อธัมมชโย ชีวิตเราดีขึ้นในหลายๆ อย่างค่ะ ที่เห็นชัดๆ คือ การขัดเกลานิสัยตัวเราให้ดีขึ้นอย่างมากค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

บุญที่ฉันปลื้มที่สุด

   เชื่อมั้ยคะว่า ความฝันเป็นสิ่งบอกเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เหมือนกัน

   ก่อนที่เราจะได้มาวัดพระธรรมกายที่เมืองไทย มีคืนนึงเราฝันว่า ตัวเองนั่งพับเพียบ มือประคองพระพุทธรูปองค์สีทองสวยมาก แล้วตัวเราก็ลอยได้ ลอยอยู่ในท่านั่งพับเพียบมือประคองพระพุทธรูปนี่ล่ะคะ ค่อยๆ ลอยขึ้นไปที่เจดีย์สีทองแห่งนึง พอไปถึงเจดีย์ก็ได้นำพระพุทธรูปที่อยู่ในมือค่อยๆ วางประดิษฐานลงบนเจดีย์นั้น ไม่ใช่แค่พระพุทธรูปองค์เดียวนะคะที่เรานำไปประดิษฐานบนเจดีย์ รวมทั้งหมด 7 องค์ค่ะ พอวางองค์แรกเสร็จองค์ที่ 2 ก็เกิดขึ้นเองบนมือเรา เราก็วางองค์ที่ 2 ต่อ และก็มีองค์ที่ 3 4 5 6 7 ตามมา หลังจากนั้นเราก็ตื่นค่ะ ตื่นมาแล้วเราก็งงนิดนึงว่า อ้าว นี่เราฝันหรอกเหรอ เหมือนเราได้ทำจริงๆ เลย

   ปรากฎว่า หลังจากนั้น ประมาณ 3 เดือน เราได้ทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวให้ตัวเอง และบอกบุญคนในครอบครัวรวมทั้งหมด 7 องค์ค่ะ ทำให้เรานึกถึงความฝันนี้เลยว่า ฝันนี้คงเป็นสิ่งบอกเหตุเรื่องที่เราจะได้ทำบุญใหญ่ เพราะตอนนั้นที่เราฝัน เรายังไม่เคยมาวัดพระธรรมกายที่เมืองไทยเลยค่ะ ยังไม่เคยเห็นมหาธรรมกายเจดีย์ ยังไม่รู้ว่าที่วัดมีบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว จนกระทั่งเราได้มาเห็นมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งตรงกับภาพเจดีย์ที่เราฝันเห็น เป็นเจดีย์ที่เรานำพระพุทธรูปขึ้นไปประดิษฐาน
บุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวครั้งนี้จึงเป็นบุญที่เราปลื้มที่สุดค่ะ คงเพราะเราฝันเห็นกิริยาบุญก่อนที่เราจะได้ทำจริงๆด้วยล่ะมั๊งคะ ปลื้มค่ะ ปลื้มใจมากๆ ความฝันก็ยังจำได้แม่นยำมากๆ ค่ะ

   สุดท้ายนี้ ขอให้ผู้ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ของเราได้บุญในการสร้างพระธรรมกายประจำตัวกับเราด้วยนะคะ
                         

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

"หลวงพ่อธัมมชโย ที่ฉันรู้จัก"

   ครั้งแรกที่เราเห็นหลวงพ่อธัมมชโย เราเห็นท่านผ่านทางจอทีวีทางช่อง DMC ที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าท่านชื่ออะไร เรารู้แต่ว่าช่อง DMC เป็นช่องสอนธรรมะของวัดพระธรรมกาย ซึ่งแค่ได้ดูครั้งแรกก็ติดใจเป็นอย่างมาก เพราะท่านสอนเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ซึ่งเป็นเรื่องที่เราหาคำตอบมานานแล้วค่ะ

   ปี 2549 เรากลับมาที่เมืองไทยประมาณ 2 อาทิตย์ เราได้มาวัดพระธรรมกายครั้งแรก เราก็ได้เจอหลวงพ่อธัมมชโยตัวจริง เราคิดในใจว่า "โอ้โห...ท่านเป็นพระที่หน้าตาสดใสมาก ๆ" เรารู้สึกดีใจและปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกที่การได้มาวัดพระธรรมกายที่เมืองไทยครั้งแรกก็ได้เจอหลวงพ่อท่านเลย

   เราเข้าวัดพระธรรมกายมาปีนี้ก็เข้าปีที่ 12 แล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้ฟังหลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนเรื่องกฎแห่งกรรม ผ่าน case study จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ท่านก็ยังคงเป็นพระผู้ใหญ่ที่สมถะและมีความเมตตาอย่างมากเหมือนเดิม และเป็นพระที่ทำแต่งานของพระพุทธศาสนา งานทุกอย่างที่ท่านสนับสนุนก็เป็นงานที่เป็นงานพระศาสนา และที่สำคัญท่านสอนให้เราสร้างบุญ สร้างบารมี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การทำทาน รักษาศีล หรือการเจริญภาวนา เพื่อเป็นหนทางที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ในวัฏสงสาร นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับชีวิตเรามาก ๆ ค่ะ เราดีใจที่เราได้เกิดมามีครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อท่านที่มีความเมตตาเป็นอย่างมาก 

                                                ขอกราบนอบน้อมแด่หลวงพ่อธัมมชโยด้วยความเคารพยิ่งเจ้าค่ะ


  

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัดพระธรรมกายที่ฉันรู้จัก

   ถ้าพูดถึงวัดพระธรรมกายแล้ว เราเข้ามาเป็นศิษย์วัดนี้ได้11 ปี แล้วก็เริ่มจากการเข้าวัดพระธรรมกายที่ศูนย์สาขาในประเทศญี่ปุ่น ครั้งแรกที่เราได้ฟังหลวงพ่อธัมมชโยท่านอ่าน case study เรื่องกฎแห่งกรรม เราก็รู้สึกว่า "ใช่เลย นี่แหละคือสิ่งที่เราค้นหามานาน" มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ ก็แปลกดีนะคะ ที่เราเข้ามาเป็นศิษย์วัดนี้โดยที่เราไม่ได้มีความทุกข์ ณ ช่วงเวลานั้น เพราะคนโดยส่วนมากจะหันหน้าเข้าวัดเพราะกำลังมีความทุกข์ต้องการที่พึ่งทางใจ แต่สำหรับเราแล้วชีวิตช่วงที่ได้รู้จักวัดพระธรรมกายใหม่ๆ เป็นช่วงที่ชีวิตมีความสุขปกติดี รู้มั้ยค่ะว่า สิ่งที่ดึงดูดเราให้สนใจวัดนี้คืออะไร สิ่งนั้น คือ     เรื่งกฎแห่งกรรมค่ะ เราเป็นคนที่สนใจเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่งภพชาติ มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว อยากจะรู้ว่า ตายแล้วไปไหน ทำอะไรมาชาตินี้ถึงได้เกิดมาเป็นแบบนี้ สิ่งเหล่านี้ คือ คำถามที่มักเกิดขึ้นในใจเสมอตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเราได้มาพบหลวงพ่อธัมมชโยผ่านทางหน้าจอทีวี คือทางช่อง DMC ทำให้เราได้รับคำตอบหลายๆ อย่างที่เคยอยากรู้ นี่ละ คือ วัดพระธรรมกายที่เรารู้จัก เป็นที่ๆ สอนให้เราสั่งสมบุญ สร้างความดี เข้าใจวิธีการทำบุญ และได้เรียนรู้การปฎิบัติธรรมที่เป็นทางสายตรงเพื่อมุ่งสู่มรรคผลนิพพาน ขอสรุปสั้นๆ ว่า วัดพระธรรมกายที่เรารู้จักเป็นสถานที่ๆ จะนำเราไปสู่ทางสว่างค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

เล่าบุญตั้งแต่เช้าของวันนี้ วันอาทิตย์ต้นเดือนที่ 6 มีนาคม ให้ปลื้มใจ

  ที่วัดพระธรรมกายทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนจะมีพิธีบูชาข้าวพระ ซึ่งถือเป็นพิธีที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ วันนี้เราตื่นเช้ากว่าปกติเพราะเป็นวันอาทิตย์ต้นเดือน เราไปถึงวัดตั้งแต่หกโมงกว่า ๆ เพื่อเตรียมใส่บาตร (ความจริงตอนตื่นนอนเราเพลียมาก ๆ เพราะเมื่อวานออกไปธุรข้างนอกทั้งวัน นาฬิกาปลุกแทบไม่อยากตื่น แต่ไม่ไปไม่ได้ เพราะตั้งใจไว้แล้ว) ตอนนั่งรอใส่บาตรข้าง ๆ เราเป็นเด็กผู้หญิงคนนึง น่าจะมาจากต่างจังหวัด เรามองน้องเค้าจัดแจงอาหารแห้งที่เตรียมมาด้วยความกระตือรือร้น เราก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้ เรานั่งมองน้องคนนี้ไปก็ยิ้มไป คิดแต่ว่า ดีแล้วที่ได้เข้าวัดมาทำบุญตั้งแต่เด็ก ๆ น้องมีบุญจริง ๆ
  
   ตอนสายของวันอาทิตย์ต้นเดือนก็จะเป็นพิธีบูชาข้าวพระ ซึ่งใครที่ได้มาร่วมพิธีบูชาข้าวพระนี้ก็จะได้บุญมาก เรามาบูชาข้าวพระทุกเดือน เรารู้ว่าบุญนี้สำคัญมาก ๆ เราจะไม่ตกบุญนี้แน่นอนค่ะ (เพราะว่าวันนี้เพลีย ๆ ก็มีนั่งสมาธิหลับบ้าง แต่พอรู้สึกตัวก็ตื่นมานั่งสมาธิต่อค่ะ)

   ช่วงเที่ยงได้นั่งฟังรายการสู้ต่อไป ขอกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ที่มาพูดเรื่องบวชสามเณรล้านด้วยเจ้าค่ะ

   ช่วงบ่ายพระอาจารย์ท่านพูดเรื่อง บวชสามเณรล้านรูป ดีมาก ๆ ที่ได้เห็นพระวัดพระธรรมกายเป็นผู้จุดประกายรวมใจให้พระวัดอื่น ๆ ได้มาร่วมโครงการนี้ค่ะ เห็นภาพพระรวมกันเยอะ ๆ แล้วปลื้มใจที่เรามีพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งค่ะ

  หลังจากนั้น หลวงพ่อธัมมชโยท่านลงนำนั่งสมาธิ และนำอธิษฐานจิต ปิดแผ่นทองเสาเข็มอนุสรณ์สถานพระมงคละทพมุนี ที่วัดบางปลา ซึ่งเป็นสถานที่หลวงปู่สด จันทสโร เผยแผ่วิชชาธรรมกายครั้งแรก

   และตามด้วยการปิดทองเสาเข็มที่สวยงามมาก ๆ เราปลื้มใจมาก ๆ ค่ะ ที่ได้ร่วมบุญเสาเข็มในครั้งนี้ เพราะเป็นการสร้างอนุสรณ์สถานบูชาครู คือ หลวงปู่สด พระผู้ปราบมาร
   

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

ประทับใจอะไรในวัดพระธรรมกาย

   สิ่งที่เราประทับใจในวัดพระธรรมกายสิ่งแรกคือ"คำสอน"ค่ะ ได้แก่

 - กฎแห่งกรรม
      หลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนเรื่องกฎแห่งกรรม โดยผ่าน case study ได้ลึกซึ้งมากค่ะ ทำให้เราได้
   เรียนรู้และเข้าใจเรื่อง กฎแห่งกรรมมากขึ้น

 - หลักในการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
      หลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนเรื่องการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา โดยผ่านการนำนั่งสมาธิ
   ทำให้เราได้นำไปใช้ในชีวิตของเราอย่างถูกต้อง

 - ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส
      หลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนให้ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ใส เพราะจะมีสุขคติเป็นที่ไปค่ะ เป็นการนำทาง
   จากครูบาอาจารย์ที่ดีมาก เพราะท่านชี้หนทางสว่างให้เรา

   สิ่งที่สองที่เราประทับใจในวัดพระธรรมกายคือ
 - ความสะอาด
      ที่วัดพระธรรมกายสะอาดมากถึงมากที่สุดค่ะ เป็นสถานที่ๆมีสาธุชนไปร่วมงานบุญเรือนแสน
   แต่ยังคงความสะอาดได้ สุดยอดมาก ๆ ค่ะ

 - ความเป็นระบบ
      การปฏิบัติงานของบุคคลากรในวัดพระธรรมกายเป็นระบบมาก ๆ ค่ะ วัดพระธรรมกายถือเป็นวัดที่มีบุคคลากรเยอะ การจัดระบบสำหรับองค์กรใหญ่ ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่วัดพระธรรมกายทำได้ดีมาก ๆ ค่ะ

 - ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
      ในวัดนอกจากมีความสะอาดแล้ว ยังจัดสิ่งต่าง ๆ ภายในวัดได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ๆ ค่ะ
   สถานที่ใหญ่ ๆ แบบนี้การจะจัดทุกสิ่งทุกอย่างภายในวัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่
   วัดพระธรรมกายทำได้ดีเยี่ยมค่ะ

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

หลวงพ่อธัมมชโย ให้อะไรแก่ฉัน

   จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ไปวัดพระธรรมกายที่เมืองไทย ดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอหลวงพ่อธัมมชโย  ครั้งแรกที่เราได้เห็นหลวงพ่อ เรามีความรู้สึกว่า "โอ้โห ทำไมท่านดูหน้าตาสดใสมาก ๆ" ตอนนั้นเราดีใจมาก ๆ ค่ะ ที่ได้ถวายปัจจัยกับท่านด้วยเงิน 1,000 บาท และเราได้พูดกับท่านว่า "มาจากโอซาก้า" ค่ะ ท่านก็ตอบกลับมาว่า "ขอให้ได้บุญเยอะ ๆ นะลูกนะ"  ครั้งนั้นถือเป็นความปลาบปลื้มใจมาก ๆ ค่ะ และที่สำคัญเราอยากจะบอกว่า การจะได้พบหลวงพ่อท่านฯ แบบนี้ไม่ใช่ของง่ายเลยนะคะ เราคิดว่า คงเป็นบุญของเราที่มาวัดพระธรรมกายที่เมืองไทยครั้งแรกก็ได้พบหลวงพ่อเลย แต่ตอนนั้นแอบเสียดายนิดนึงว่า เราแลกเงินบาทมาน้อย เหลือแบงก์พันอยู่ในกระเป๋าแค่ใบเดียว เราก็เลยถวายปัจจัยได้แค่นี้ แต่เชื่อมั้ยคะ ว่าการถวายปัจจัยครั้งนั้น คือ การทำบุญมากที่สุดเท่าที่เราเคยทำมาเลยค่ะ แต่ก็แปลกตรงที่ว่า เราคิดแค่ว่าเราน่าจะแลกเงินบาทมาเยอะกว่านี้ น่าจะถวายท่านได้เยอะกว่านี้ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาเองในใจค่ะ

   จากเรื่องที่เราเล่ามาข้างต้น เราอยากจะบอกว่า แค่ได้รับพรจากท่านแม้เพียงประโยคเดียวสั้น ๆ ก็ถือเป็นบุญมาก ๆ แล้วค่ะ ก่อนที่เราจะได้มาวัดพระธรรมกายที่เมืองไทย เราก็ดูหลวงพ่อท่านสอนเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ผ่านทางช่อง DMC โดยท่านจะอ่าน "case study" ให้ฟัง ในแต่ละวันท่านก็จะมีเคสต่าง ๆ มาเล่าให้ฟัง สิ่งนี้แหละค่ะ คือ สิ่งที่เราได้จากหลวงพ่อธัมมชโย คือ ท่านสอนให้เรารู้ถึงเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ที่ไม่มีที่ไหนสอนแบบนี้ ทำให้เราคิดได้ว่า ทำอะไรก็สามารถเป็นวิบากกรรมได้หมดเลย ไม่เกี่ยวว่าจะทำไปด้วยความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม วิบากกรรมก็สามารถเกิดขึ้นได้แล้ว สรุปสั้น ๆ ว่า สิ่งที่เราได้รับจากหลวงพ่อธัมมชโย คือ การมีหิริโอตัปปะ มากขึ้น คือ ความละอาย เกรงกลัวต่อบาป  ทำให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะเราพยายามที่จะไม่สร้างวิบากกรรมเพิ่มค่ะ

   สิ่งต่อมาที่เราได้จากหลวงพ่อธัมมชโย คือ "วิธีการปฏิบัติธรรม" ที่เป็นทางตรง ที่จะทำให้เราเข้าถึง"พระธรรมกาย"ภายในตัว ถึงแม้ว่าเราจะยังปฏิบัติไม่ได้ถึงขั้นนั้น แต่เราก็รู้ว่า แนวทางการปฏิบัติธรรมแบบภาวนา "สัมมา อะระหัง" นี้ เป็นทางสายตรงที่จะทำให้เข้าถึงธรรมได้เร็วค่ะ เพราะฉะนั้นเราเองก็จะพยายามให้ตัวเองพบพระในตัวให้ได้ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

สิ่งดีๆที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน

สิ่งดี ๆ ที่ได้จากการมาวัดพระธรรมกายมีหลายอย่างค่ะ
เราอยากแชร์สิ่งดี ๆ ที่เราได้จากวัดพระธรรมกายให้คนที่เข้ามาอ่านได้ทราบกันค่ะ

สิ่งแรกที่เป็นสิ่งดี ๆ ที่ได้จากวัดพระธรรมกาย คือ ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องการทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ซึ่งสามสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านเทศน์สอนเวลาที่ท่านนำปฏิบัติธรรมค่ะ

สิ่งที่สองที่เป็นสิ่งดี ๆ ที่ได้จากวัดพระธรรมกาย คือ ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่อง "กฏแห่งกรรม" หรือ "The Law of Karma" ซึ่งถ้าไปหาหนังสือมาอ่านเอง คงทำความเข้าได้ได้ไม่เร็วเท่ากับการที่ได้ฟังหลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนด้วยตนท่านเองค่ะ

สิ่งที่สามที่เป็นสิ่งดี ๆ ที่ได้จากการมาวัดพระธรรมกาย คือ การที่ทำให้เราเป็นคนที่มีระเบียบวินัยมากขึ้น เพราะระบบระเบียบการบริหารจัดการงานบุญต่าง ๆ ของที่วัดพระธรรมกายมีระเบียบมาก ๆ อีกทั้งบริเวณภายในวัดพระธรรมกายยังสะอาดมาก ๆ อีกด้วยค่ะ แม้จะมีสาธุชนมาวัดพระธรรมกายเยอะแค่ไหนก็ตาม แต่วัดพระธรรมกายไม่เคยมีความสกปรกให้เห็นเลยหลังงานบุญใหญ่ได้เสร็จสิ้น ต้องขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยที่ท่านได้เทศน์สอนเรื่องนี้ด้วยค่ะ

สิ่งที่สี่ที่เป็นสิ่งดี ๆ ที่ได้จากวัดพระธรรมกาย คือ การที่ทำให้เราได้รู้ว่า "เกิดมาทำไม" และควรใช้ชีวิตแบบไหนถึงจะคุ้มค่ากับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งหลวงพ่อธัมมชโยท่านได้เทศน์สอนสาธุชนเสมอ ๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านนำนั่งสมาธิ หรือท่านเทศน์สอนหลังการปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ๆ ค่ะ

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกได้อย่างไร


ประมาณปีพ.ศ.2547 พอเราได้รู้จักวัดพระธรรมกายที่เป็นศูนย์สาขาแล้ว เราก็หาเวลาไปทำบุญและนั่งสมาธิที่วัด โดยทางวัดจะจัดกิจกรรมงานบุญทุกวันอาทิตย์ เราก็เข้าไปช่วยงานเป็นอาสาสมัครเท่าที่เราจะทำได้ ก่อนที่เราจะได้ไปวัดพระธรรมกายที่เป็นศูนย์สาขาหลังจากที่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นเมืองที่เราอยู่ก็มีวัดไทยเหมือนกันนั้น ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เพราะตอนนั้นเราต้องทำงานพาร์ทไทม์วันเสาร์อาทิตย์ ครั้งแรกที่เราไปวัดพระธรรมกายที่ศูนย์สาขานี้ได้เพราะเจ้าของร้านปิดร้าน 1  วัน เลยมีโอกาสได้ไปวัดพระธรรมกายที่เป็นศูนย์สาขา  แต่ก่อนหน้านั้นเราได้ดูสื่อธรรมะของทางวัดพระธรรมกายผ่านจานดาวเทียมช่องDMC ที่ทางร้านติด นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นหลวงพ่อธัมมชโย ท่านกำลังอ่านกรณีศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมซึ่งน่าสนใจมากๆ ครั้งแรกที่เราได้ฟังหลวงพ่อธัมมชโย ในใจเรารู้สึกว่า "ใช่เลย นี่แหละคือสิ่งที่ค้นหามานานแล้ว" ตั้งแต่นั้นเราก็ไปทำงานพาร์ทไทม์เร็วกว่าปกติ 1 ชม. เพื่อที่จะดูและฟังหลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนเรื่องกฎแห่งกรรม ยิ่งฟังหลวงพ่อธัมมชโยท่านสอนก็ยิ่งรู้สึกว่า เราโชคดีจังที่ได้มาเจอหลวงพ่อธัมมชโยผ่านทางช่องDMC