วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

"ทำบุญแล้ว...ชีวิตท่านดีขึ้นอย่างไร"

   สำหรับตัวเราเมื่อได้ทำบุญ สิ่งแรกที่เราได้รับ คือ ความสบายใจค่ะ เมื่อเข้าใจเรื่องการทำบุญ ก็จะรู้สึกว่าอยากทำบุญให้ได้บ่อยๆ เพราะการที่เรามีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จ มีบุญอยู่เบื้องหลังค่ะ เคยได้ยินมั้ยค่ะว่า "บุญ คือ เบื้องหลังของความสุขและความสำเร็จในชีวิต" บางครั้งเคยรู้สึกมั้ยค่ะว่า ทำไมชีวิต ติดๆขัดๆ ไม่ราบรื่นเท่าไหร่ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกแบบนี้ นั่นแสดงว่า คุณต้องสั่งสมบุญเพิ่มแล้วล่ะคะ เปรียบเทียบง่าย ๆ แบบนี้นะคะ เหมือนคุณมีเงินเก็บไว้ในกระปุกออมสิน แล้วเราก็หยิบออกมาใช้ทุกๆ วัน ที่ละนิดๆ เงินที่อยู่ในกระปุกนั้นย่อมพร่องลงๆ ถ้าคุณไม่ทำงานหาเงินมาหยอดกระปุกเพิ่มเติม สักวันนึงเงินในกระปุกนั้นก็จะหมดลง "บุญ" ก็เหมือนกันค่ะ ถ้าคุณไม่สั่งสมเพิ่มบุญภายในตัวย่อมค่อยๆ หมดลง คุณอาจจะเคยสงสัยว่า ทำไมบางคนไม่เคยทำบุญเลย แต่ชีวิตดี๊ดี อยู่สุขสบาย มีกินมีใช้ นั่นเป็นเพราะคน ๆ นั้นกำลังใช้บุญเก่าของตัวเขาเองอยู่ค่ะ เหมือนคำพูดที่ว่า "กินบุญเก่าอยู่" คงเพราะภพชาติก่อนๆ เขาสั่งสมบุญเอาไว้เยอะ แต่กระนั้นก็ตาม ต่อให้เคยสั่งสมบุญไว้เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ทำเพิ่มบุญบุญที่เคยสั่งสมมาย่อมมีวันหมดไปค่ะ เคยเห็นมั้ยค่ะ บางคนตอนเด็กๆ ทำไมชีวิตมีแต่ความสุขสบาย แต่พอโตมากลับมีชีวิตที่ลำบาก นั่นเป็นเพราะ เมื่อภพชาติก่อนๆ เขาสั่งสมบุญมาไม่สม่ำเสมอค่ะ อย่างตัวเราเอง ตั้งแต่เล็กจนโตถือว่ามีชีวิตที่ค่อยข้างสุขสบาย แต่ก็จะมีบางช่วงที่รู้สึกว่าลำบากนิดหน่อย คือ อยากจะเล่าให้ฟังอย่างนี้ค่ะว่า ตอนเราเด็กๆ จะเรียกได้ว่า เราเป็นลูกคุณหนูก็ได้ค่ะ เรามีพี่สาวและน้องชายซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกันอายุห่างกันสองสามปี ที่บ้านเรามีพี่เลี้ยงๆ ของแต่ละคนเลยค่ะ ของพี่สาวคนนึง ของเราคนนึง ของน้องชายคนนึง จำได้ว่า ชีวิตไม่เคยต้องทนหิว ทนอด คือ มีความสมบูรณ์พร้อมในปัจจัยสี่ บ้านเรามีพี่เลี้ยงที่เป็นคนช่วยงานบ้านจนกระทั่งเราอยู่ ม.3 คนช่วยงานบ้านคนล่าสุดเขาขโมยของในบ้าน จึงไม่ให้เขาทำงานต่อ ตั้งแต่นั้นมาเรากับพี่น้องก็ช่วยแม่ทำงานบ้านกันเอง ตอนช่วงแรกเป็นอะไรที่รู้สึกว่า โอ้ย ขี้เกียจจัง คงเพราะสบายมาตั้งแต่เด็กค่ะ แต่พอเวลาผ่านไปก็เริ่มปรับตัวได้ ที่เล่าเรื่องนี้แค่อยากบอกว่า นี่เป็นตัวอย่างนึงของเราเองที่เราบอกว่า บางช่วงชีวิตลำบากเล็กน้อย เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่หลังจากที่ได้ศึกษาธรรมะจากที่วัดพระธรรมกาย ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ตัวเราเองภพชาติก่อนๆ คงทำบุญมาไม่สม่ำเสมอ ภพชาตินี้จึงมีความลำบากเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น ทำให้เราคิดว่า เราอยากจะสั่งสมบุญให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพราะเรารู้ว่าการที่เรามีความสุขและประสบความสำเร็จนั้นเพราะมีบุญอยู่เบื้องหลังค่ะ 
   เท่าที่เราเจอประสบการณ์ด้วยตัวเองเรื่องการทำบุญ เรามีความรู้สึกว่า ชีวิตเราลงตัวมากขึ้น การทำบุญสามารถช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา และจากเบากลายเป็นหายได้ค่ะ ถ้าเล่าให้ฟังอย่างละเอียดคงเล่าได้ไม่หมด จะขอบกมาสัก 1 ตัวอย่างนะคะ เรื่อง การทำทาน มีหลายๆ ครั้งที่เราตัดใจสละทรัพย์ที่มีอยู่ทำบุญค่ะ เมื่อก่อนเราก็ไม่ค่อยกล้าทำบุญที่ละมากๆ แต่หลังจากที่เข้าใจเรื่องบุญแล้ว เราก็สามารถตัดใจจากทรัพย์ที่มีนำมาทำบุญค่ะ อย่างล่าสุด ปี 2558 เราตัดสินใจปิดบัญชีเงินฝากมาทำบุญกฐิน ช่วงตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เราเจอปัญหาเกี่ยวกับพนักงานในที่ทำงาน จนเรารู้สึกว่า หนักมากเท่าที่เราเคยเจอมา ตอนช่วงนั้นก็ไม่รู้ว่า จะแก้ไขยังไง กลับมาบ้านก็สวดมนตร์นั่งสมาธิทุกวัน ตอนเช้าก็ใส่บาตรทุกวัน ช่วงนั้นปัญหาที่ว่าก็ทรงๆ ตัวค่ะ ไม่ได้แย่ลง แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น จนมาถึงช่วงทำบุญกฐิน ตอนนั้นเราคิดแค่ว่า "เอาเหอะ เป็นไงเป็นกัน เบื่อจะแย่แล้วกับปัญหาที่ทำงาน อยู่ต่อไม่ไหวก็ลาออก" พอเราคิดแบบนี้ปุ๊ป เราก็คิดไปถึงว่า ถ้าเราลาออก ไม่มีงานทำหรือยังหางานใหม่ไม่ได้ เงินก็จะไม่มีทำบุญ เราเลยปิดบัญชีเงินเก็บทำบุญกฐินหมดเลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสได้ทำบุญแบบนี้มั้ย ก็เลยรีบทำตอนที่มีโอกาสค่ะ ประกอบกับช่วงต้นปีที่แล้ว เราไม่สบาย อยู่ดีๆ น้ำหนักตัวก็ลดไป 5 กิโลภายใน 3 เดือน โดยที่ทานอาหารในปริมาณปกติ ไปหาหมอๆ ก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เรารู้สึกว่า ร่างกายเราไม่ปกติ เพราะเหตุนี้อีก 1 ปัจจัย เราคิดว่า เราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ถ้าตายไปแล้วคงจะทำบุญไม่ได้แล้ว เราเลยตัดสินใจปิดบัญชีทำบุญกฐินไป ก็มี 2 เหตุปัจจัยที่ทำให้เราปิดบัญชีทำบุญกฐินค่ะ ทำไปแล้วก็รู้สึกโล่งและสบายใจ ความรู้สึก "อิ่มบุญ" เป็นแบบนี้นี่เอง
   สรุปว่า ชีวิตจะดีขึ้นในทุกๆด้าน ขอแค่หมั่นสั่งสมบุญสม่ำเสมอ ทั้งการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาค่ะ ชีวิตก็จะมีแต่ความสุขและความสำเร็จค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น